แนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 [แนวโน้มประเทศไทย]

ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 นี้ มาวิเคราะห์จากแนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ในปีนี้ เพื่อให้คุณสามารถปรับทิศทางให้ทันการเปลี่ยนแปลง

ก่อนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ การหาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดก่อน จะทำให้คุณเห็นภาพรวมทั้งในด้านบวกและความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้น จึงช่วยให้คุณเห็นโอกาสในการลงทุนและสามารถหาช่องทางทำเงินที่เข้ากับสถานการณ์ในช่วงนั้นได้

สำหรับผู้ที่กำลังมีแผนที่จะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 นี้ มาวิเคราะห์จากแนวโน้มการลงทุนอสังหาฯ ในปีนี้ เพื่อให้คุณสามารถปรับทิศทางให้ทันการเปลี่ยนแปลง และวางแผนในการลงทุนอสังหาให้ได้กำไรอย่างตรงจุด

แนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 ของประเทศไทย

หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 มาแล้ว ในปี 2023 ถือว่าเป็นช่วงที่สถานการณ์ได้คลี่คลายลง และอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจได้กลับมาฟื้นตัว 

นั่นจึงส่งผลให้แนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทในปีนี้กลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นมา ที่ทำให้ผู้ที่อยู่ในวงการอสังหาฯ ต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันสถานการณ์อยู่เสมอ

สำหรับแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยปี 2023 นี้ แบ่งออกตามตลาดได้เป็น

  • ตลาดอาคารสำนักงาน โดยในปีนี้หลายองค์กรมีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ผู้เช่าได้ให้ความสำคัญกับการเลือกเช่าพื้นที่อาคารเกรดเอใหม่ๆ เนื่องจากอาคารเหล่านี้จะผ่านการรับรองมาตรฐานของอาคารที่มีคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย สำหรับเจ้าของอาคารเก่าหรือเกรดรองลงมา ปีนี้จึงถือว่ามีความท้าทายในการประเมินและปรับปรุงอาคาร เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดอาคารใหม่ๆ ได้
  • ตลาดอสังหาฯ แนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม โดยในปี 2022 มีมาตรการต่างๆ ให้ผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ทำให้ดึงกำลังซื้อของผู้บริโภคในปีนี้ไปล่วงหน้าแล้ว และในปีนี้จะมีการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่กว่า 58,000 หน่วย ทำให้สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ แนวราบกลับเข้าสู่ความสมดุลเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด
  • ตลาดคอนโดมิเนียม (กรุงเทพฯ) โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาคอนโดจะเริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และต้นทุนการพัฒนาโครงการที่เพิ่มขึ้น และในปีนี้ คาดการณ์ว่าตลาดพรีเซลล์จะมีอัตราการขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการคอนโดที่มีทุกระดับราคา รวมถึงมีกำลังซื้อจากต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากนี้ การกลับมาเปิดประเทศหลังช่วงโควิด-19 คลี่คลาย ยังส่งผลให้โอกาสลงทุนในอสังหาฯ ปีนี้ โตขึ้นได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดประเทศที่ให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ได้เดินทางมาท่องเที่ยว รวมถึงลงทุนในอสังหาฯ ไทยมากขึ้น และถึงแม้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้ต้นทุนมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ทำให้นักลงทุนสามารถปรับค่าเช่าให้สูงขึ้นได้ด้วย

ปัจจัยเชิงบวกในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ปี 2023

สำหรับปัจจัยเชิงบวก เป็นปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมในการลงทุนอสังหาฯ ในปีนี้ให้มีโอกาสเติบโตขึ้น โดยมีปัจจัยในด้านต่างๆ ดังนี้

1. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์โควิด-19

โดยหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ประเทศไทยได้มีนโยบายการเปิดเมืองเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้กลับมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยได้อีกครั้ง ซึ่งเมื่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ก็ส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ ที่เกี่ยวข้องกับที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถกลับมาเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยว โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ (Service Apartment) 

2. นโยบายที่ให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านในไทยได้

โดยนโยบายนี้มีเงื่อนไขว่าชาวต่างชาติที่จะซื้อบ้านในไทยได้ต้องลงทุนในประเทศไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายอสังหาฯ ราคาสูงให้กับต่างชาติที่มีศักยภาพในการซื้อสูงด้วย

3. มาตรการลดค่าโอน ค่าจดจำนอง

ในปี 2023 ได้มีมาตรการลดค่าจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนจำนอง สำหรับผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองในอัตราพิเศษ โดยจากเดิมที่ค่าจดทะเบียนการโอนจาก 2% ลดเหลือ 1% และ ค่าจดทะเบียนจำนองจาก 1% ลดเหลือ 0.01% ช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

ความท้าทายในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ปี 2023

นอกจากเรื่องปัจจัยบวกแล้ว ยังมีความท้าทายในการลงทุนอสังหาฯ เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนตั้งรับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น โดยมีปัจจัยในด้านต่างๆ ดังนี้  

1. ปัจจัยด้านต้นทุนที่สูงขึ้น

การเพิ่มขึ้นของต้นทุน ส่งผลทำให้ราคาของอสังหาฯ ในปีนี้เพิ่มสูงมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งจากต้นทุนของวัสดุก่อสร้าง การเพิ่มขึ้นของค่าแรงขั้นต่ำ ภาวะเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน การขนส่งต่างๆ จึงทำให้ในปี 2023 นี้ ราคาของโครงการอสังหาฯ ต่างๆ มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นอย่างน้อย 5% หรือมากกว่า

2. ภาวะเงินเฟ้อ

ซึ่งเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น ทั้งจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัสเซีย-ยูเครน โรคระบาด ปัญหาน้ำท่วม ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการทั่วโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งกระทบถึงต้นทุนของการทำอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้น ราคาของอสังหาฯ จึงสูงขึ้น จนอาจส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อที่น้อยลง

3. ราคาประเมินที่ดินใหม่ และราคาตลาดที่ดินที่เพิ่มขึ้นทุกปี

โดยกรมธนารักษ์ได้ประกาศใช้บัญชีราคาประเมินที่ดิน หรือสิ่งปลูกสร้าง ตามพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. 2562 ทำให้ในปีนี้ ราคาประเมินที่ดินเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 8.93% และราคาประเมินสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น 6.21%

นอกจากการเพิ่มขึ้นราคาประเมินราชการแล้ว ราคาตลาดที่ดินเองก็มีการปรับราคาขึ้นอยู่ตลอดทุกปี โดยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น 3-5% ของปีก่อนหน้า จึงทำให้นักลงทุนอสังหาฯ อาจต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น

อยากลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในปี 2023 ต้องปรับตัวอย่างไร?

สำหรับนักลงทุนอสังหาฯ ในปี 2023 นี้ หากต้องการหาโอกาสในการลงทุนให้เติบโตได้ สามารถเลือกช่องทางได้ ดังนี้ 

  • เลือกลงทุนกับอสังหาฯ ราคาสูง หรือเกรดพรีเมียม โดยเจาะไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังซื้อสูง กับอสังหาฯ ในราคาระหว่าง 25-30 ล้านบาท ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็มีโอกาสที่จะมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น
  • เลือกโครงการอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในช่วงของการฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด-19  ทำให้คนที่มองหาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มองหาความตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่อาจต้องทำงานที่บ้านสลับกับเข้าออฟฟิศ มีส่วนกลางที่รองรับในการดูแลสุขภาพ และคุ้มค่าในการออกแบบทั้งดีไซน์และการใส่เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อความสะดวกในการอยู่อาศัยมากขึ้น โดยเฉพาะคอนโดโครงการใหม่ๆ ที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะทำให้มีโอกาสขายได้ง่ายขึ้น
  • เลือกโครงการทำเลสร้างโอกาส โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพในปัจจุบัน อสังหาฯ ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าเดิมอาจหาลงทุนได้ยากขึ้น หรือมีราคาที่สูงมาก การเลือกลงทุนกับอสังหาในทำเลที่น่าสนใจและสามารถเป็นโอกาสสร้างกำไรต่อในอนาคตอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เช่น เขตรอบนอกกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันการเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ มีความสะดวกยิ่งขึ้น / ตามแนวโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ โดยในอนาคตทำเลเหล่านี้จะมีราคาสูงขึ้น และความต้องการในการอยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก https://blog.ghbank.co.th/real-estate-trends-in-thailand/